ซีรี่ย์จีน แดนสนธยา ธงพญาอินทรี (Novoland: Eagle Flag) ดัดแปลงจากมหากาพย์นิยายแฟนตาซีชุด “จิ่วโจวเพียวเหมี่ยวลู่” (九州缥缈录) ของ “เจียงหนาน” เนื้อหากล่าวถึงศึกชิงอำนาจและการต่อสู้ของวีรบุรุษผู้กล้าในดินแดนที่เรียกว่า “จิ่วโจว” (“จิ่ว” แปลว่า “เก้า” ส่วน “โจว” ในสมัยโบราณใช้เรียกเขตการปกครอง ระดับ “มณฑล” หรือ “จังหวัด”)
* “จิ่วโจว” เป็นดินแดนสมมุติที่นักเขียนนิยายออนไลน์ชื่อดังชาวจีน 7 คนร่วมกันสร้างสรรค์และใช้เป็นฉากหลังในซีรีส์นิยายแฟนตาซีของตน
“อาซูเล่อ” เป็น “ซื่อจื่อ” (ผู้สืบทอด / รัชทายาท) แห่งชิงหยาง (ชนเผ่าเร่ร่อนในแดนทุ่งหญ้าที่ปกครองดินแดนทางตอนเหนือ หรือ “เป่ยลู่”) ผู้มีเลือดชิงถง*ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย วันที่เขาถือกำเนิดได้เกิดมีอาเพศ ผู้คนจึงพากันกล่าวหาว่าเขาคือดาววิบัติ และเรียกร้องให้ “หลี่ว์ซง” ต้าจวินแห่งชิงหยาง (เจ้าปกครองชิงหยาง) กำจัดทารกน้อยที่กำลังจะถือกำเนิด ครั้นอาซูเล่อเกิดมาโดยปราศจากชีพจรมารดาของเขาจึงฆ่าตัวตาย หลังมารดาเสียชีวิตอาซูเล่อกลับร้องไห้จ้า หลี่ว์ซง (บิดาของอาซูเล่อ) จึงนำอาซูเล่อไปฝากให้ “หลงเก๋อเจินหวง” (ญาติผู้น้อง / หัวหน้าเผ่าเจินเหยียน) ช่วยเลี้ยงดูแทน อาซูเล่อจึงเติบโตในเผ่าเจินเหยียนโดยมีหลงเก๋อเจินหวงเป็นพ่อบุญธรรม แต่ทว่าเกือบยี่สิบปีต่อมา หลี่ว์ซงได้สั่งให้ “จิ่วหวัง” บุกกวาดล้างเผ่าเจินเหยียน ครั้นหลงเก๋อเจินหวงถูกฆ่าตายในสนามรบ อาซูเล่อจึงถูกนำตัวกลับเมืองเป่ยตู (ของชิงหยาง) ในฐานะ ‘ซื่อจื่อ’ พร้อมเหล่าทาสเชลยเผ่าเจินเหยียน หนึ่งในนั้นคือ “ซูหม่า” เพื่อนหญิงของอาซูเล่อ
* “เลือดชิงถง” คือ เลือดคลั่งที่ซ่อนอยู่ในกายของอาซูเล่อ ทุกคนเชื่อว่าเลือดชิงถงเป็นโลหิตเทพที่ศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง แต่ความจริงแล้วเหมือนเป็นคำสาปของปีศาจมากกว่า ยามใดที่เลือดชิงถงในกายพลุ่งพล่าน อาซูเล่อจะกลายเป็นนักรบที่แข็งแกร่งและทรงพลัง แต่ถ้าไม่อาจควบคุมเลือดชิงถงจะครอบงำอาซูเล่อให้กลายเป็นนักรบที่บ้าคลั่ง เขาจะฆ่าคนโดยไม่รู้สึกตัว ไม่เหนื่อย ไม่เจ็บ ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรูจึงเข่นฆ่าผู้คนแบบไม่ยั้ง ทั้งยังเป็นผลเสียต่อร่างกายอาซูเล่อด้วย
เนื่องจากอาซูเล่อเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างบอบบาง ท่าทางขี้โรค แถมยังลือกันว่าเขาเกิดมาเป็นดาววิบัติ เขาจึงโดนชาวชิงหยางบางคนดูถูกเหยียดหยาม ด้วยความที่ดินแดนเป่ยลู่มีสภาพอากาศหนาวเย็น แถมผืนดินยังไม่เอื้อต่อการเพาะปลูก จึงมักประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร และนั่นก็ทำให้แดนทุ่งหญ้าเกิดการปล้นสะดม ปล้นฆ่า (แย่งชิงอาหาร) อย่างไม่หยุดหย่อน หลี่ว์ซงจึงส่งอาซูเล่อไปเป็นตัวประกันที่แคว้นเซี่ยถังของราชวงศ์ต้าอิ้นในดินแดนตงลู่ (ดินแดนตะวันออก) เพื่อแลกกับเสบียงอาหาร ก่อนออกเดินทางหลี่ว์ซงได้ตั้งชื่อภาษากลาง (ภาษาตงลู่) ให้อาซูเล่อว่า “หลี่ว์กุยเฉิน” (ชื่อเต็มของเขา คือ หลี่ว์กุยเฉิน อาซูเล่อ พ่าซูเอ่อร์)
หลี่ว์กุยเฉินได้พบเพื่อนใหม่สองคนในแคว้นเซี่ยถัง คนหนึ่งคือ “จีเหยี่ย” ลูกนอกสมรสของขุนนางตกยาก ที่กระหายความสำเร็จ อยากเป็นที่ยอมรับ และอยากเป็นชายชาตินักรบ ส่วนอีกคนคือ “อวี่หราน” องค์หญิงของเผ่าอวี๋ (เผ่าพันธุ์ที่มีปีก) ที่ลี้ภัยมาอยู่เซี่ยถังตั้งแต่เด็ก เธอเป็นเด็กสาวที่สดใส มีไหวพริบ ขี้สงสัย และกล้าหาญเหมือนผู้ชาย ทั้งสามคนกลายเป็นเพื่อนรักที่พร้อมร่วมเป็นร่วมตาย แต่สุดท้ายสองหนุ่มก็ตกหลุมรักอวี่หรานทั้งคู่
ครั้น “อิ๋งอู๋อี้” ซึ่งเป็น ‘ป้าจู่’ (เจ้าปกครองที่เรืองอำนาจ) แห่งแคว้นหลี (หนึ่งในนครรัฐของราชวงศ์ต้าอิ้น) เข้าควบคุมโอรสสวรรค์ บัญชาการเจ้าครองแคว้น (ยึดอำนาจ) หลี่ว์กุยเฉิน จีเหยี่ย และอวี่หราน จึงติดตามแม่ทัพ “ซีเหยี่ยน” (หนึ่งในสี่แม่ทัพผู้ลือนามของตงลู่) และแม่ทัพแคว้นอื่นๆ ไปทำศึกขั้นเด็ดขาดกับอิ๋งอู๋อี้ที่ด่านซางหยาง โดยหารู้ไม่ว่าศึกครั้งนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลัง และยังมีสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่ารออยู่เบื้องหน้า
“จิ่วโจว” (Novoland) คือดินแดนสมมุติยุคโบราณกาล แบ่งออกเป็น 9 มณฑลตามผังของกลุ่มดาวจิ่วซิงเชวี่ย (กลุ่มดาวขนาดใหญ่ในนิยายที่ประกอบด้วยดาว 9 ดวง) ประกอบด้วย มณฑลซางโจว, ฮั่นโจว, นิ่งโจว, จงโจว, หลานโจว, หว่านโจว, เยว่โจว, อวิ๋นโจว และ เหลยโจว (ชื่อมณฑลถูกตั้งตามชื่อดวงดาวทั้งเก้า) จิ่วโจวไม่ใช่โลกทั้งใบแต่เป็นส่วนหนึ่งของโลก ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ยุคโบราณเชื่อว่าจิ่วโจวคือใจกลางโลก กล่าวกันว่าในสมัยโบราณดินแดนจิ่วโจวเคยเชื่อมต่อเป็นแผ่นดินผืนเดียวกัน แต่เนื่องจากธารน้ำแข็งที่ปกคลุมพื้นผิวโลกเกิดละลาย ระดับน้ำทะเลจึงเพิ่มสูงขึ้น แถมราชวงศ์ในสมัยโบราณยังขุดคูคลองหมายใช้เป็นเส้นทางออกสู่ทะเล สุดท้ายน้ำทะเลกลับไหลเข้าท่วมผืนแผ่นดิน ทำให้ดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลของจิ่วโจวถูกทะเลแบ่งแยกออกเป็นสามส่วน ได้แก่…
เป่ยลู่ (ดินแดนทางตอนเหนือ) ประกอบด้วย มณฑลซางโจว (ซ้าย), ฮั่นโจว (กลาง) และนิ่งโจว (ขวา)
ตงลู่ (ดินแดนฝั่งตะวันออก) ประกอบด้วย มณฑลจงโจว (บนซ้าย), หลานโจว (บนขวา), หว่านโจว (ล่างซ้าย) และเยว่โจว (ล่างขวา)
ซีลู่ (ดินแดนฝั่งตะวันตก) ประกอบด้วย มณฑลอวิ๋นโจว (บน) และเหลยโจว (ล่าง)
จิ่วโจว เป็นถิ่นอาศัยของ 6 เผ่าพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่
เหริน – เผ่าพันธุ์มนุษย์ มีจำนวนมากที่สุด โดยแดนเหนือ (เป่ยลู่) เป็นถิ่นอาศัยของชนเผ่าเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนมากมายหลายเผ่า แต่มีเผ่าใหญ่อยู่ 7 เผ่า ได้แก่ ชิงหยาง, หยางเหอ, ซั่วเป่ย, หลานหม่า, ซาฉือ, จิ๋วหน่าน และเจินเหยียน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในแถบทุ่งหญ้าของมณฑลฮั่นโจว ส่วนแดนตะวันออก (ตงลู่) ทั้งสี่มณฑลล้วนเป็นถิ่นอาศัยของมนุษย์ ผืนแผ่นดินมีความอุดมสมบูรณ์ บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง และมีอารยธรรม (พวกเขาเรียกคนแดนเหนือว่า “คนป่าเถื่อน”) ส่วนดินแดนตะวันตก (ซีลู่) ได้ชื่อว่าเป็นแดนลึกลับ ตำนานเล่าขานว่าในอดีตเคยเป็นดินแดนที่มีอารยธรรมรุ่งโรจน์ แต่ภายหลังเกิดโรคระบาดจึงกลายเป็นแดนร้าง
อวี๋ – เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีปีก มีน้ำหนักตัวเพียงครึ่งหนึ่งของมนุษย์ อยู่กระจัดกระจายในป่าที่มณฑลนิ่งโจวในแดนเป่ยลู่
ควาฟู่ (ตั้งชื่อตามยักษ์โบราณที่วิ่งไล่ตามดวงอาทิตย์) – มีรูปร่างสูงใหญ่กว่ามนุษย์ 2 เท่า ประชากรมีจำนวนน้อยมาก อาศัยอยู่ในมณฑลซางโจวของเป่ยลู่ ซึ่งเป็นดินแดนที่มีน้ำแข็งปกคลุม
เหอลั่ว – เป็นเผ่าพันธ์ุที่ชาญฉลาดและมากฝีมือ มีความสูงเพียงครึ่งหนึ่งของมนุษย์ (คนแคระ) ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลเยว่โจวในแดนตงลู่
เม่ย – เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีสภาพเป็นจิตวิญญาณ แต่สามารถดูดซับพลังและสสารต่างๆ จากดิน น้ำ อากาศที่อยู่รอบตัว มาหล่อหลอมเป็นกายหยาบที่มีเลือดเนื้อได้ เพียงแต่ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลานานนับเดือนนับปี หรืออาจมากถึงสิบปี
เจียว – เป็นเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในน้ำ รูปร่างเพรียวและมีหาง (ลักษณะโดยรวมคล้ายเงือก) ส่วนใหญ่อยู่ในทะเล แต่อาจพบได้บ้างในแม่น้ำหรือทะเลสาบที่เชื่อมต่อทะเล