ดูซีรี่ย์ : ฉลาดเกมส์โกง (BAD GENIUS THE SERIES) โครงเรื่องยังใช้ชื่อตัวละครเดิมทั้งหมด โดยมีลิน (จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน) เด็กอัจฉริยะที่โกงเพื่อแก้แค้นโรงเรียน หวังเอาคืนค่าแป๊ะเจี๊ยะ ที่พ่อ (แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) จ่ายให้กับผอ. (อุ๋ม-อาภาศิริ จันทรัศมี), แบงค์ (เจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน) เด็กเนิร์ดที่กตัญญูต่อแม่ (นก-รัชนก แสงชูโต) แต่ต้องโกงเพราะฐานะทางบ้านจน แม่ต้องหาเงินมารักษาตัว, พัฒน์ (ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต) ลูกเศรษฐีที่โกงเพราะความกดดันจากครอบครัวที่มีพ่อ (วิลลี่ แมคอินทอช) เป็นจอมบงการ และ เกรซ (นาน่า-ศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์) เด็กสาวที่ยากจะคาดเดาเหตุผล ว่าเธอโกงเพราะคล้อยตามเพื่อน เพื่อคนที่เธอรัก หรือเพื่อตัวเองกันแน่
ทำไมถึงต้องดูเวอร์ชั่นนี้ในเมื่อเวอร์ชั่นภาพยนตร์ก็สมบูรณ์แทบไร้ที่ติอยู่แล้ว นี่น่าจะเป็นคำถามที่หลายคนคิดก่อนดู และกลัวใจว่าพอมาเป็นซีรีส์เปลี่ยนนักแสดงใหม่หมดด้วย ไม่พ้นที่ต้องถูกนำมาเปรียบเทียบกับต้นฉบับในแง่ต่างๆ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนภาพยนตร์มาก่อน หรือไม่เคยดูเวอร์ชั่นนั้นมาเลย นี่ก็เป็นซีรีส์ไทยที่มีคุณภาพสูงมากแม้แพ้ภาพยนตร์ และยังช่วยเติมเต็มหลายๆ อย่างให้คนดูภาพยนตร์ได้อิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ตัวเรื่องแทบจะเดินไปด้วยเส้นเรื่องเดิมทั้งหมด แต่สิ่งที่ซีรีส์ขยายเพิ่มมาชัดเจนเลยคือเรื่อง “ความรัก” ของทุกคู่ หลายคนอาจจะยี้ไปก่อนว่าพอเป็นซีรีส์วัยรุ่นเลยยัดตรงนี้เข้ามา ซึ่งก็ใช่ มันเป็นจุดที่ขายแฟนๆ ได้ แต่ว่าตัวเรื่องก็ใส่มาแบบมีเหตุผลสอดคล้องไปกับบทที่ตามรอยภาพยนตร์ และเราก็จะเห็นว่าในภาพยนตร์เองก็พยายามจะใส่เรื่องความรักของลินกับแบงค์เข้ามาในช่วงหลังเหมือนกัน เพียงแต่เวลาในการเล่าไม่มีก็เลยได้เป็นแค่ความรู้สึกจางๆ ที่เอาจริงๆ มันก็พอเหมาะพอดีกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่มีข้อจำกัดด้านเวลา
แต่พอมาเป็นซีรีส์จุดนี้คือเพิ่มเข้ามาเด่นชัดตั้งแต่ตอนแรกที่ลินกับแบงค์เจอกันในแบบใหม่ โดยใส่ความประทับใจของลินที่มีต่อแบงค์มาเป็นแบบความรู้สึกดีๆ แรกพบเมื่อแบงค์ช่วยเด็กน้อยที่ถูกแกล้งด้วยความอ่อนโยน และก็ทำให้ลินได้รู้ว่าแบงค์เป็นคนยังไงตั้งแต่แรกพบ ในขณะเดียวกันก็เปิดตัวว่าเป็นคู่แข่งทางการเรียนชิงทุนเหมือนในภาพยนตร์ โดยที่แบงค์ประกาศเลยว่าจะไม่เป็นเพื่อนกับลินตั้งแต่แรก ทำให้มีดราม่าความรัก ความสัมพันธ์ที่ดีไปพร้อมกัน คนดูเองจะได้เห็นแง่มุมของลินที่โกงแบบตั้งใจไม่ให้ใครเดือดร้อน แต่กลับไปกระทบเข้ากับแบงค์ที่ไม่รู้เรื่องราวการโกงของลินเลย จนกลายเป็นความรู้สึกผิดที่เกาะกินใจ กลับกันแบงค์เองที่เริ่มรู้สึกดีๆ กับลินกลับกลายเป็นต้องชั่งใจระหว่างความถูกต้องที่เขายึดถือกับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กับเพื่อน+คู่แข่งคนนี้ และดราม่าของสองคนนี้คือจุดเปลี่ยนที่ใหญ่สุด และผูกพันต่อเนื่องไปจนถึงตอนจบ ซึ่งถ้าใครชอบอารมณ์ในหนังที่มีเบาๆ ก็จะได้ส่วนความรักของคู่นี้มาเติมเต็มได้อิ่มอย่างแน่นอน
นอกจากนี้การแสดงของจูเน่ในบทลินแบบใหม่ที่มีน้ำตากับความรักมากขึ้น รวมถึงการเก็บกดหลายอย่างไว้ภายใต้หน้าตาที่น่ารัก แต่ให้เห็นผ่านทางการแสดงสีหน้าที่แสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จนไม่คิดว่าลินในเวอร์ชั่นนี้ด้อยกว่าลินในภาพยนตร์เลยแม้แต่น้อย อาจจะยากกว่าเสียด้วยซ้ำในเมื่อมีเรื่องความรักแบบจริงจังเข้ามาผสมกับการตัดสินใจหลายๆ อย่างที่ลินเวอร์ชั่นนี้ต้องกระอักกระอ่วนใจมากขึ้นเมื่อความรู้สึกกับแบงค์คือจุดอ่อนที่ลินปกปิดไว้ในเวอร์ชั่นนี้ แบงค์เองบทจะคล้ายๆ ของเดิมแต่ดูเด็กขึ้น และก็ต้องมีมุมที่ภาพยนอกดูแข็งกร้าว แต่ภายในอ่อนโยนเพิ่มมาให้กับแม่และลิน ก็ถือว่าผ่านเลยกับการแสดงครั้งแรกของ จินเจษฎ์ วรรธนะสิน และบทแบงค์ในซีรีส์ก็สานต่อความดาร์คมากขึ้นจากตอนจบของภาพยนตร์ที่ค้างไว้
คู่ของพัฒน์กับเกรซในภาพยนตร์เราได้เห็นหลายๆ อย่างไปแล้วตามประสาลูกคนรวยเปย์แฟน พัฒน์ยังคงเหมือนเดิม แต่ร้ายขึ้น กร้านโลกขึ้น มีแง่มุมความรักที่ดูจริงใจให้กับเกรซลึกมากขึ้น เรื่องการอดทนรอมี SEX กับเกรซ รวมถึงการพยายามทำสิ่งต่างๆ ให้เกรซประทับใจเพื่อรักษาความรักไว้ แต่สิ่งที่ซีรีส์หยิบมาขยายเพิ่มคือตัวละคร “เกรซ” ที่มีมิติลึกขึ้นมากกว่าสาวที่ดูไร้สมองสวยไปวันๆ แบบในหนัง ในซีรีส์ก็ยังใช้ภาพลักษณ์นั้นอยู่ และตัวนักแสดงก็มีเค้าโครงหน้าแบบเดิมพิมพ์เดียวกัน จนเหมือนเห็นการซ้อนทับกันกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์อยู่ตลอดเวลา แต่เกรซเวอร์ชั่นนี้ได้เล่นอะไรหลายอย่างที่แตกต่างไปมาก อย่างความฝันอยากเป็นนักแสดงละครเวทีโรงเรียน ที่ต้องแลกมาด้วยอะไรหลายอย่างแบบที่คนดูก็ต้องรู้สึกรังเกียจ เห็นใจ หดหู่สะเทือนอารมณ์ไปกับการตัดสินใจของเกรซในบทนี้มาก และบทนี้ยังมีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่าเดิม ซึ่งตัวเรื่องก็หยิบความสามารถการเป็นนักแสดงของเธอตามบทมาผูกกับเรื่องได้อย่างลงตัว จนกลายเป็นตัวละครที่คาดเดายาก มีความผันแปรทางอารมณ์สูงที่สุดในกลุ่มตัวละครหลักทั้ง 4 คน และก็ยังทำให้เกรซในเวอร์ชั่นนี้ดูเด่นขึ้นจนเหมือนเป็นนางเอกสมทบคู่ไปกับลินได้เลย ไม่ใช่แค่บทสมทบแบบในภาพยนตร์เพียงอย่างเดียว
นอกจากพาร์ทเรื่องความรักที่โดดเด่นขึ้นมากที่สุดแล้ว ในเรื่องยังใส่เรื่องโกงการศึกษาในรูปแบบอื่นไว้เพิ่มเติมหลายอย่าง ตั้งแต่ตอนแรกก็เป็นเรื่องครูในโรงเรียนเปิดสอนพิเศษที่แลกมาด้วยคำตอบล่วงหน้าให้นักเรียนที่มีตังจ่ายเงินเรียน โดยที่มองว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ครูที่ไหนๆ ก็ทำกัน เรื่องราวของแป๊ะเจี๊ยะแบบในภาพยนตร์ แต่ขยายความเพิ่มอีกนิดหน่อย แล้วก็มีเรื่องทุนการศึกษากับเด็กเส้น ก่อนที่จะไปถึงธุรกิจ “สอบแ
ทน” ที่ได้นักแสดงอย่าง นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา (ดากานดาในเพื่อนสนิท) มารับบทติวเตอร์ที่เฟ้นหาคนมาร่วมงานผ่านธุรกิจกวดวิชาบังหน้า แต่บทที่ออกมากลับน้อยนิดจนไม่ได้เห็นการแสดงอะไรที่น่าจดจำของเรื่องเลย
ในช่วงท้ายเรื่องบทของแม่ลินจะมีเพิ่มเข้ามา เพื่อขยายความที่ว่าทำไมลินถึงอยู่กับพ่อ และแม่หายไปไหน แต่มีเข้ามาสั้นๆ แค่ช่วยเติมเต็มให้ลินดูมีพื้นฐานครอบครัวแตกแยกจากพ่อแม่แยกทางกันด้วยเรื่องการไปเรียนต่อในสมัยอดีตจนมาถึงรุ่นลูกอย่างลิน ที่เป็นปมให้ลินตัดสินใจวกกลับเข้ามาโกงการสอบเพื่อหาทุนไปเรียนต่อต่างประเทศอีกครั้ง
ตัวซีรีส์มีการเปลี่ยนทริกการโกงแบบใหม่ โดยที่ยังเอาของเดิมมาบอกเล่าก่อนปรับปรุงให้ดีขึ้น และก็เพิ่มช่วงเวลาโกงแบบลุ้นเหงื่อแตกให้เห็นมากขึ้น แต่ว่าก็อาจจะไม่ได้ทำจุดนี้ได้เนียนนักเหมือนภาพยนตร์ที่ดูๆ ไปก็มีช่องโหว่ให้คิดว่าเป็นจริงได้แค่ไหนเหมือนกัน ในซีรีส์อาจจะดูมีช่องโหว่พิรุธให้เห็นเพิ่มมากขึ้นด้วยครับ แต่ถ้าไม่ติดใจอะไรก็มองข้ามไปได้อยู่ เพราะตัวสาระของเรื่องอยู่ที่อารมณ์กดดันลุ้นระทึกที่ตัวเรื่องยังคงทำไว้ได้ดีเช่นเดิมไม่เปลี่ยน