Homunculus ฮามังคิวลัส หนังญี่ปุ่น Netflix สำหรับเรื่องนี้เป็นหนังโรงที่ฉายที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 2 เมษายน ก่อนลง Netflix ทั่วโลกในวันที่ 22 เมษายน ซึ่งก็ไม่ห่างกันมากเลย เรื่องนี้สร้างมาจากมังงะที่วาดโดยยามาโมโตะ ฮิเดโอะ (Yamamoto Hideo) ผู้เขียนมังงะเรื่อง Ichi The Killer ที่เป็นแนวแปลกประหลาดเช่นกัน ได้ผู้กำกับ Takashi Shimizu จากจูอองมาทำ โดยเป็นเรื่องราวของชายจรจัดความจำเสื่อม ซูซูมุ นาโกชิ ที่อาศัยอยู่แต่ในรถ อยู่มาวันหนึ่งเขาถูกคนแปลกหน้าที่บอกว่าตัวเองเป็นแพทย์ฝึกหัดชื่อ อิโต้ ต้องการจ้างเขาทดลองทางการแพทย์ ด้วยการใช้สว่านเจาะรูเล็กๆ บนหน้าผากเข้าในกะโหลกศีรษะถึงสมอง เพื่อเปิดสัมผัสที่ 6 และพลังอื่นๆ ที่สมองมนุษย์ปิดกั้นไว้
หากนาโกชิทำ เขาก็จะได้รับเงิน 700,000 เยนเป็นการตอบแทน แม้จะบ่ายเบี่ยงปฏิเสธไม่ต้องการเงิน แต่สุดท้ายนาโกชิตกลงรับข้อเสนอนั้นเพราะต้องการฟื้นความทรงจำกลับมา หลังฟื้นจากการทดลองเขาเริ่มมองเห็นสัตว์ประหลาดในตัวมนุษย์ ที่เชื่อมโยงกับบาดแผลในจิตใจของผู้คน ซึ่งอิโต้อธิบายว่านั่นคือ “ฮามังคิวลัส” ร่างมนุษย์ที่จำลองด้านบิดเบี้ยวของจิตใจที่ซ่อนไว้ การทดลองของอิโต้กินเวลา 7 วัน ซึ่งใน 7 วันนี้เองเขาต้องช่วยเหลือคนที่เขามองเห็นเป็นฮามังคิวลัสและหาคำตอบเรื่องความทรงจำที่หายไปพร้อมกัน
ต้องอธิบายก่อนว่าการ์ตูนต้นฉบับเรื่องนี้ก็เป็นแนวคัลท์เฉพาะทางมากๆ ด้วยเรื่องราวแนวอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับจิตบิดเบี้ยว ซึ่งเรื่องไซโคจิตๆ ก็เป็นแนวถนัดของสายญี่ปุ่นเลยเหมือนกัน และต้องอาศัยการตีความทำความเข้าใจมากพอควร พอมาเป็นหนังแม้จะกระชับสั้นลง มีดัดแปลงเปลี่ยนเรื่องราวให้ย่อยง่ายขึ้น แต่ก็ยังเป็นแนวหนังคัลท์อยู่เช่นเดิม และส่วนของไซโคจิตวิทยาก็ยังคงซับซ้อนชวนให้ตีความได้หลากหลายเช่นเดิม ซึ่งถ้าผู้ชมจะงงหรือไม่เข้าใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะต้นฉบับก็ชวนงงมาก่อนแล้วนั่นแหละครับ
แต่ไม่ใช่ว่าหนังจะทำออกมางงจนไม่น่าดูก็ไม่ใช่ เพราะเรื่องราวส่วนใหญ่ก็ลำดับเรื่องได้ดีและทำออกมาให้เราเข้าใจได้ไม่ยาก มีแค่ส่วนที่ต้องตีความเรื่องการเห็น ฮามังคิวลัส ของพระเอกที่ต้องปิดตาขวาใช้ตาซ้าย หรือสมองซีกซ้ายเพื่อเปิดพลังพิเศษนี้ขึ้นมาเท่านั้น ถึงงงว่าบางอย่างจะสื่อถึงอะไร อย่างฉาก SEX ของพระเอกกับนักเรียน ม.ปลาย ที่ร่างกายเป็นทราย แต่พอมองดูชัดๆ กลับเป็นตัวอักษรเล็กๆ ประกอบกันเป็นร่างขึ้นมา แถมยังเป็นแนวล่อแหลมทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง (ตามภาพประกอบด้านล่าง)
ซึ่งถ้าคนดูไม่สนใจจะตีความอะไรเลยก็ยังดูเรื่องนี้สนุกได้ ตัวเรื่องมีปมทางจิตผูกติดกับปัญหาของผู้คนให้พระเอกยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งการแก้ปมทางจิตของพระเอกคือการพยายามตีความร่างแปลกประหลาดของ ฮามังคิวลัส ของคนนั้นว่าสื่อถึงอะไร และค่อยๆ คาดเดาว่าปมทางจิตนั้นมีที่มายังไง จนสุดท้ายคนๆ นั้นก็ยอมเปิดเผยปมในใจของตนเป็นอันคลี่คลาย ทำให้ ฮามังคิวลัส หายไป ซึ่งในมังงะมีถึง 15 เล่ม แต่พอมาเป็นหนังก็เลยต้องตัดหั่นกระชับให้สั้นลงเหลือแค่ 4 คน ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอแล้วกับความพิสดารของเรื่อง และเวลาในเรื่องถูกจำกัดไว้แค่ 7 วันเท่านั้น
CG ของเรื่องในส่วนของ ฮามังคิวลัส ถือว่าทำออกมาดีมากในระดับผ่านเลย แม้อาจจะไม่ถึงกับเนียนกริบอะไรตามแบบหนังญี่ปุ่นจากมังงะ แต่มันตอบโจทย์การถ่ายทอดความบิดเบี้ยวของร่างมนุษย์ประหลาดจากมังงะออกมาได้ตรงๆ ไม่ผิดเพี้ยนเลย และทำให้ผู้ชมชวนอึ้ง ทึ่ง เสียว สยองนิดๆ กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี บางร่างก็ชวนเศร้าแอบน่าเห็นใจอย่างรายของยากูซ่าที่เป็นร่างหุ่นยนต์มีตัวตนเด็กน้อยอยู่ภายใน ซึ่งภาพ CG ที่ออกมาก็ดูเป็นหุ่นยนต์สไตล์ญี่ปุ่นจ๋าเข้ากับปมในเรื่องได้ดีเลย
ตัวหนังนอกจากการเดินเรื่องแก้ปัญหาทางใจให้คนอื่นแล้ว ตัวเรื่องยังคงมีเส้นเรื่องหลักเป็นการสืบสวนคลายปมความทรงจำของพระเอก ที่ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่หายไปแบบบังเอิญ ตัวหนังผูกเรื่องตรงนี้ไว้กับพลังพิเศษของพระเอกที่เกิดขึ้นจากอิโต้ เป็นปมทางจิตซ้อนทับอีกทีหนึ่งให้ชวนคิดว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่อิโต้บอกมาตอนแรกว่าไม่เชื่อในพลังพิเศษ และต้องการทดลองเพื่อยืนยันสมมุติฐานนี้ และยังคิดว่าโลกนี้ที่เราเห็นกันอยู่ไม่ใช่ของจริง สิ่งเหล่านี้คืออะไรกันแน่ แม้เจ้าตัวเองจะเป็นคนอธิบายเรื่องการเห็น ฮามังคิวลัส ของพระเอกเองแท้ๆ ซึ่งตัวเรื่องมีหลอกล่อทางจิตวิทยาชวนให้คนดูคล้อยตามไปมาได้พอสมควรเลย อาจจะเหวอนิดๆ พอเรื่องเฉลยบางส่วนออกมาว่าที่เราเห็นกันมาตั้งแต่แรก อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นก็เป็นได้
แต่ปัญหาของเรื่องก็มาจากจุดนี้ด้วยเช่นกัน อาจจะเพราะพอเป็นภาพยนตร์มีเวลาจำกัด ทำให้ช่วงเข้าสู่การตามหาความทรงจำของพระเอกค่อนข้างรวบรัดเล่าไวมากๆ และก็เอาเรื่องทางจิตที่สับสนกับประเด็นการเห็น ฮามังคิวลัส มารวมกัน ซึ่งการที่ต้องตีความไปด้วย พยายามเข้าใจลำดับเรื่องช่วงนี้ให้ทันไปด้วย กลายเป็นช่วงที่เหมือนเรื่องพยายามยัดๆ อัดเฉลยมาให้จบๆ แล้วก็ไม่ได้มีฉากการแก้ปัญหาฮามังคิวลัสที่เด่นแบบคนก่อนๆ หนังเหมือนดรอปลง เปลี่ยนแนวฉับพลันเป็นอารมณ์ความเศร้าในเรื่องความรักและการสูญเสียแทน
แต่หนังก็ไม่ได้จบลงที่ความจริงของพระเอก ยังมีต่อด้วยการเฉลยปมของอิโต้ว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการอะไรกันแน่กับการทดลองครั้งนี้ ซึ่งในส่วนของอิโต้ทำออกมาดี และก็ดูตั้งใจทำ CG ฮามังคิวลัสของอิโต้ปิดท้ายเรื่องได้เข้าท่าเลย ซึ่งฉากนี้เองเป็นการอธิบายเรื่องทุกอย่างตั้งแต่ต้นอีกครั้งว่าอิโต้ต้องการอะไรกันแน่ กับบทสรุปเรื่องพลังของพระเอกที่เหมือนภาพหลอนคลุมเครือว่ามีจริงหรือไม่ ซึ่งหนังจบได้ลงตัว และแตกต่างไปจากมังงะมากด้วยครับ